แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3
รายวิชา
งานไฟฟ้า 2 รหัสวิชา ง 20232 กลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี
โรงเรียนประสาทรัฐประชากิจ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2555
สาระที่ 1
หน่วยที่ 1 เรื่อง ปลอดภัยไว้ก่อน เวลา 4.00
ชั่วโมง
มาตรฐานที่
ง 1.1 เข้าใจการทำงาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะกระบวนการทำงาน
ทักษะการจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะการทำงานร่วมกัน และทักษะการแสวงหา
ความรู้ มีคุณธรรม
และลักษณะนิสัยในการทำงาน
มีจิตสำนึกในการใช้พลังงาน
ทรัพยากร และ
สิ่งแวดล้อม เพื่อการดำรงชีวิตและครอบครัว
......................................................................................................................................................
แนวความคิดหลัก
ไฟฟ้าเป็นพลังงานชนิดหนึ่ง มีทั้งโทษและประโยชน์ในเวลาเดียวกัน หากใช้ถูกวิธีจะเกิดประโยชน์มหาศาล หากใช้ผิดวิธีจะมีโทษมหาศาลเช่นเดียวกัน
ไฟฟ้าสามารถไหลผ่านร่างกายมนุษย์ได้สะดวก
เกิดไฟฟ้าดูดหรือไฟฟ้าช็อต โดยปริมาณกระแสที่ไหลผ่านร่างกายแตกต่างกัน และเกิดอันตรายต่อร่างกายก็แตกต่างกัน ฉะนั้นถ้ากระแสไหลผ่านร่างกายน้อยเป็นอันตรายน้อย กระแสไหลผ่านร่างกายมากเป็นอันตรายมาก มีผลถึงทำให้เสียชีวิตได้
ตัวชี้วัด
วิเคราะห์ขั้นตอนการทำงานตามกระบวนการทำงาน
( ง 1.1 ม.1/1)
ผลการเรียนที่คาดหวัง
1. สามารถอธิบายอันตรายที่เกิดจากไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัยได้
2. แนวการป้องกันเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเกี่ยวกับไฟฟ้าที่อาจเกิดขึ้นในบ้านได้
จุดประสงค์การเรียนรู้
·
ด้านความรู้ มีความรู้ความเข้าใจถึงอันตรายที่เกิดจากไฟฟ้าและทราบถึงวิธีการป้องกันอันตรายที่เกิดจากไฟฟ้า
·
ด้านทักษะกระบวนการ กระบวนการความรู้ความเข้าใจ
·
ด้านเจตคติ เห็นความสำคัญของการเรียนรู้เรื่อง
ระบบความปลอดภัยในงานไฟฟ้า
สาระสำคัญ
ในการปฏิบัติงานเกี่ยวกับงานช่างพื้นฐาน
ความปลอดภัยถือเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญอย่างยิ่ง
ผู้ปฏิบัติงานจึงจำเป็นต้องรู้ถึงสาเหตุที่อาจเกิดอุบัติเหตุ
และรู้จักวิธีป้องกันมิให้เกิดอุบัติเหตุอันตรายจากไฟฟ้าส่วนใหญ่มักเกิดจากการที่ร่างกายสัมผัสส่วนที่มีไฟฟ้า อุปกรณ์หรือเครื่องมือที่ใช้ทำงานสัมผัสกับส่วนที่มีไฟฟ้า
รวมทั้งการปฏิบัติงานจะต้องทราบถึงอันตรายและวิธีการป้องกันที่เหมาะสม ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดและมีการควบคุมที่ดี
เนื้อหาสาระ
การทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้า
ต้องปลดวงจรไฟฟ้าตรงจุดที่จะทำงานออก และต้องทดสอบโดยใช้ไขควงวัดไฟก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีไฟฟ้า แล้วจึงปฏิบัติงาน อย่างไรก็ตาม
เพื่อให้มั่นใจว่าจะจะมีความปลอดภัยจากไฟฟ้าดูดที่แท้จริง
จึงต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล
เลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมและปฏิบัติงานตามขั้นตอนดังนี้
1.
ปลดวงจรไฟฟ้า
ในการทำงานจะปลดวงจรไฟฟ้าเฉพาะส่วนที่จะปฏิบัติงานออก เพื่อให้ส่วนอื่นๆ
ยังคงมีไฟใช้ในการทำงานจึงจำเป็นต้องทราบว่าบริเวณที่จะปฏิบัติงานต่อมาจากที่ไหน การปลดทำได้โดยการยกคัทเอ๊าท์ เซฟตี้สวิตช์
หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์ที่อยู่บนเมนสวิตช์ ซึ่งจ่ายไฟให้วงจรที่กำลังปฏิบัติงาน
2. แขวนป้ายหรือล็อคกุญแจ
การแขวนป้าย
จะช่วยบอกผู้ที่จะปฏิบัติงานเกี่ยวกับแผงไฟไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับวงจรที่กำลังทำงานอยู่
บางท่านเห็นว่าไฟดับและไม่ทราบว่ามีผู้ปฏิบัติงานอยู่ เมื่อมาพบว่าที่แผงสวิตช์มีเซอร์กิตเบรกเกอร์ปลดวงจรอยู่ อาจสับเซอร์กิตเบรกเกอร์เข้าไปก็ได้ ทำให้ผู้ปฏิบัติงานเกิดอันตรายได้
สำหรับแผงสวิตช์หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์บางชนิดจะมีรูสำหรับคล้องกุญแจมาให้
การล็อคกุญแจก็จะเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้นกว่าการแขวนป้าย
3. ตรวจว่ามีไฟหรือไม่
เพื่อให้มั่นใจว่าปลดวงจรไฟฟ้าถูกต้อง จึงต้องตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งว่ามีไฟหรือไม่
วิธีทดสอบง่ายๆคือ
ไขควงวัดไฟแตะกับสายไฟฟ้าส่วนที่เป็นทองแดงหรือตรงจุดที่ปกติจะต้องมีไฟฟ้า
หรือถ้าจะให้มั่นใจก็ทดสอบทุกจุดที่เราใช้มือจับ ถ้าหลอดไฟเรืองแสงในไขควงไม่ติดแสดงว่าไม่มีไฟ ปกติสายเส้นที่มีไฟจะเป็นสายสีดำ แต่ควรทดสอบสายสีเทาด้วย
เนื่องจากในตอนติดตั้งอาจต่อไม่ถูกต้องตามสีที่กำหนดก็ได้ ก่อนจะนำไขควงวัดไฟไปตรวจสอบวงจรไฟฟ้าควรทดสอบดูก่อนว่าไขควงยังคงใช้งานได้ตามปกติ โดยการแหย่เข้าในเต้ารับที่มีไฟอยู่ ถ้าหลอดเรืองแสงติดก็แสดงว่าไขควงนั้นใช้งานได้
4. ใช้เครื่องป้องกันภัยส่วนบุคคล
เครื่องป้องกันภัยส่วนบุคคลพื้นฐานที่ใช้กันทั่วไป คือ
ถุงมือยาง
หรือบางคนเรียกว่าถุงมือกันไฟ และสวมรองเท้ายาง
การใช้ถุงมือยางและรองเท้ายางจะช่วยป้องกันไฟฟ้าดูด เนื่องจากไปสัมผัสส่วนที่มีไฟฟ้าได้
ถุงมือยางอาจหาซื้อยากและทำให้ปฏิบัติงานไม่สะดวก จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมใช้ การใช้รองเท้ายาง
ก็ต้องระวังไม่ให้ส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายไปสัมผัสกับโครงสร้างอื่นๆ เพราะจะถูกไฟดูดได้เช่นกัน และถ้าสามารถทำได้ควรยืนบนแผ่นยางอีกทีหนึ่ง
5. ใช้เครื่องมือหุ้มด้วยฉนวน
เครื่องมือสำหรับช่างไฟฟ้าที่ด้ามจับจะหุ้มด้วยฉนวน เช่น
คีมและไขควง เป็นต้น ในการใช้งานต้องจับบนด้ามฉนวน
และระวังอย่าให้ส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายไปสัมผัสส่วนที่เป็นโลหะ
ในการทำงานจริงควรทำหลายวิธีพร้อมๆกัน โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือที่เป็นฉนวนและการใส่เครื่องป้องกันและถึงแม้จะปลดวงจรไฟฟ้าแล้วก็ตามต้องทดสอบว่ามีไฟฟ้าหรือไม่
ก่อนที่จะลงมือปฏิบัติงานทุกครั้งนั้น
ผู้เป็นช่างจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก เพราะถ้าประมาทเลินเล่อก็อาจทำให้เสียทั้งงาน
เสียทั้งทรัพย์สินโดยใช่เหตุ หรือบางครั้งอาจเกิดอันตรายถึงพิการหรือเสียชีวิตได้ ความปลอดภัยในการทำงานย่อมเป็นสิ่งปรารถนาของทุกคน
การรู้จักวิธีทำงาน
รู้จักวิธีใช้เครื่องมือด้วยความไม่ประมาท คอยระมัดระวังอยู่เสมอ ๆ
จะช่วยขจัดปัญหาทางอุบัติเหตุได้มาก เครื่องมือทุกชนิดแม้จะออกแบบมาอย่างเหมาะสม
แต่ก็มักจะเกิดอันตรายแก่ผู้ใช้ ด้วยเหตุนี้ในการใช้เครื่องมือนั้น
ผู้ใช้ควรจะระมัดระวังเสมอ
เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
เหตุการณ์ฉุกเฉินเกี่ยวกับไฟฟ้านั้น มีสาเหตุได้หลายประการด้วยกัน
แต่ละกรณีก็มีผลกระทบที่ติดตามมาหลายอย่าง
ตั้งแต่ก่อให้เกิดความหงุดหงิดรำคาญใจไปจนกระทั่งถึงก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
ต่อไปนี้คือเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นในบ้าน
1. การขัดข้องจากการไฟฟ้าฯ
ซึ่งตามปกติทางการไฟฟ้าฯมักจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า แต่ก็มีบางกรณีที่เกิดไฟดับเพียงชั่วครู่ ที่อาจเกิดจากไฟตกหรือหม้อแปลงขัดข้อง
ซึ่งเราสามารถตรวจสอบได้จากบ้านใกล้เคียง
ในกรณีเช่นนี้ต้องแจ้งเหตุให้ทางการไฟฟ้าฯทราบ เพื่อดำเนินการแก้ไข
โดยก่อนแจ้งก็ต้องดูว่าเขตพื้นที่ที่เราอาศัยอยู่ขึ้นอยู่กับเขตกริการใดของการไฟฟ้าฯ อย่างไรก็ตาม
เมื่อเกิดเหตุควรปิดสวิตช์ของเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดให้หมด
เพื่อป้องกันการกระชากของเครื่องเมื่อกระแสไฟฟ้าติด รวมทั้งอย่าเปิดตู้เย็นโดยไม่จำเป็น เพราะจะทำให้ความเย็นในตู้ลดลง ทำให้ของที่แช่ไว้ละลายหรือเย็นไม่พอ ซึ่งอาจทำให้เสียหายได้ถ้าหากไฟดับนานๆ และควรเปิดสวิตช์หลอดไฟไว้สักหนึ่งดวง เพื่อเป็นสัญญาณบอกกระแสไฟใช้ได้แล้ว
2. การใช้ไฟเกิน
เกิดขึ้นเนื่องจากการใช้ไฟเกินกว่าขนาดของอุปกรณ์ป้องกันกระแสไฟฟ้าเกิน (
อาจเป็นฟิวส์หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์ ) ทำให้มีการปลดวงจร อาการนี้สังเกตได้คือ จะเกิดหลังจากที่เปิดสวิตช์ไฟฟ้าหรือเสียบเต้าเสียบได้สักครู่หนึ่ง อาจใช้เวลาหลายนาทีหรืออาจเป็นชั่วโมง การแก้ไขดำเนินการดังนี้
- ตรวจสอบดูว่าได้มีการต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มหรือไม่ ถ้ามีการต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่ม
จำเป็นต้องปรับปรุงโดยการเปลี่ยนเซอร์กิจเบรกเกอร์ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น แต่ข้อสำคัญ ต้องตรวจสอบด้วยว่าสายไฟฟ้าสามารถรับกระแสได้หรือไม่
ขนาดของสายไฟฟ้าต้องสัมพันธ์กับขนาดเซอร์กิตเบรกเกอร์หรือฟิวส์
กรณีที่พบว่าเกิดจากการเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มก็ต้องเปลี่ยนไปเสียบเต้ารับที่ต่อกับเครื่องป้องกันกระแสเกินตัวอื่น
- ตรวจจุดต่อสายเข้าเครื่องป้องกันกระแสเกิน จุดต่ออาจหลวม ทำให้เกิดความร้อน
เครื่องป้องกันกระแสเกินจะปลดวงจรได้โดยไม่ต้องใช้ไฟเกินอาการนี้จะพบว่า
สายไฟฟ้าบริเวณใกล้กับจุดต่อและตัวเครื่องป้องกันกระแสเกินจะร้อนจัดจนรู้สึกได้จากการสัมผัสด้วยมือ การแก้ไข ต้องขันสกรูให้แน่น
3. ไฟฟ้าลัดวงจร
หรืออาจเรียกได้อีกอย่างว่า “ ไฟฟ้าช็อต “ หมายถึง
การที่ไฟฟ้าไหลผ่านจากสายไฟฟ้าเส้นหนึ่งไปยังอีกเส้นหนึ่งโดยไม่ผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือโหลดใดๆ
การที่กระแสไฟฟ้าไหลจากเส้นหนึ่งไปอีกเส้นหนึ่ง สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากฉนวนของสายไฟฟ้าชำรุด หรือจากการสัมผัสกันโดยบังเอิญ
ผลจากไฟฟ้าลัดวงจรจะทำให้มีกระแสไฟฟ้าไหลปริมาณสูง และมีความร้อนสูงด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังจะมีประกายไฟ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ได้ ถ้าบริเวณที่เกิดประกายไฟมีวัสดุไวไฟอยู่
การเกิดลัดวงจรนี้
สังเกตได้เมื่อทำการสับเครื่องป้องกันกระแสเกินเข้าไปอีกครั้ง
เครื่องป้องกันกระแสเกินจะปลดวงจรอย่างลวดเร็ว เพราะมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านในปริมาณมากจะต้องตรวจหาจุดที่เกิดเหตุให้พบแล้วทำการแก้ไข
ปกติแล้วการเกิดลัดวงจรในสายไฟฟ้ามีโอกาสเกิดน้อยมาก การเกิดลัดวงจรที่เป็นไปได้มากคือ เครื่องใช้ไฟฟ้าชำรุดตรงจุดที่มีการต่อสาย เช่น
ในกล่องต่อสาย
ในกล่องสวิตช์ และเต้ารับ รวมทั้งจุดที่ต่อเข้าอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นต้น อีกจุดหนึ่งที่พบว่ามีการเกิดลัดวงจรเป็นประจำคือ จุดที่ต่อเข้าเตารีดไฟฟ้า โดยเฉพาะตรงบริเวณที่สายเข้าเตารีด เนื่องจากสายไฟฟ้ามีการหักงอบ่อย จุดอื่นที่มีโอกาสเกิดลัดวงจรคือ จุดที่เดินผ่านวัตถุแหลมคม เช่น
สังกะสี บริเวณที่รับแรงดึง
เช่นจุดจับยึดลูกถ้วย
และสายที่เดินในที่ซ่อน เช่น บนฝ้าเพดาน เนื่องจากถูกหนูกัดในการซ่อมแซมควรสันนิษฐานจุดต่างๆเหล่านี้ก่อน จะทำให้หาจุดที่เกิดลัดวงจรได้เร็วขึ้น
ถ้ากระแสลัดวงจรเกิดขณะเสียบเต้ารับหรือเปิดสวิตช์
ในเบื้องต้นให้สันนิษฐานว่าเกิดจากเครื่องใช้ไฟฟ้า ให้ถอดเต้าเสียบออกหรือปิดสวิตช์ แล้วเปลี่ยนฟิวส์ ก็จะใช้งานต่อไปได้ หรือถ้าเป็นเซอร์กิตเบรกเกอร์ก็สามารถสับใช้งานต่อไปได้ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ชำรุด จะต้องทำการซ่อมเสียก่อนจึงจะใช้ต่อไปได้
แนวทางการป้องกัน ก็คือ
ดูแลเครื่องใช้และอุปกรณ์ไฟฟ้า
โดยเฉพาะสายไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพดี
ฉนวนไม่กรอบแตก
และไม่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ามากเกินกว่าที่สายไฟฟ้าจะทนได้
ป้องกันของแข็งกระแทกสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าจนชำรุด
ควรระมัดระวังไม่เอาวัตถุไวไฟไว้ใกล้อุปกรณ์ไฟฟ้า และที่สำคัญคือ
ติดตั้งเครื่องป้องกันกระแสเกินหรือเซอร์กิตเบรกเกอร์ที่เหมาะสมซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์เกิดขึ้น เครื่องป้องกันนี้จะตัดกระแสไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ
4. ไฟฟ้าดูด
คือการที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกาย
เราเรียกอีกอย่างว่า ไฟฟ้าช็อค
(
ELECTRIC SHOCK ) เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายจะเกิดอาการกล้ามเนื้อเกร็ง
หัวใจทำงานผิดจังหวะและเต้นอ่อนลงจนหยุดเต้นและเสียชีวิตในที่สุด แต่อย่างไรก็ตามความรุนแรง
ของอันตรายจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณกระแส เวลาและเส้นทางที่กระแสไฟไหลผ่าน เช่นถ้าผ่านหัวใจจะมีอันตรายสูง
ไฟฟ้าดูดเกิดขึ้นได้หลายกรณีด้วยกัน ประการแรกคือ
เครื่องใช้ไฟฟ้ามีการชำรุด
ทำให้มีกระแสไฟฟ้ารั่วออกมา เมื่อมีการสัมผัสกระแสไฟฟ้าก็จะไหลผ่านเข้ามาที่ร่างกาย ( เพราะเท้าสัมผัสพื้นอยู่ทำให้กระแสไหลได้ครบวงจรพอดี
) ประการที่สอง
เกิดจากการสัมผัสกับสายไฟฟ้าที่มีการรั่วของกระแสไฟฟ้า
เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดูดขึ้นให้เร็วที่สุดการถอดปลั๊ก ปิดเมนสวิตช์บอร์ด ปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บ และงดใช้อุปกรณ์หรือเครื่องไฟฟ้านั้นๆ
อย่างไรก็ตาม
แนวทางการป้องกันที่สำคัญที่สุดก็คือ
หมั่นตรวจสอบเครื่องใช้และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ
อย่างสม่ำเสมอว่ามีการชำรุดเสียหาย
หรือไม่หากพบว่าชำรุดควรรีบปรับปรุงแก้ไขให้อยู่ในสภาพที่ดี หรือติดตั้งระบบสายดิน
หลักการปลอดภัย ที่เกี่ยวกับความปลอดภัย ที่ควรยึดถือได้แก่
สะสาง สะดวก
สะอาด สุขลักษณะ สร้างนิสัย
คำว่า
สะสาง หมายถึง การขจัดสิ่งที่ไม่ต้องการออกไปให้หมด
คำว่า
สะดวก หมายถึง จัดของให้เป็นระเบียบ หยิบใช้ได้ง่าย
คำว่า
สะอาด หมายถึง จัดสถานที่ปฏิบัติงาน
และเครื่องมือให้สะอาด
คำว่า สุขลักษณะ หมายถึง
จัดสถานที่ให้มีความปลอดภัย
มีอากาศถ่ายเทได้ดี เป็นผลดีต่อสุขภาพ
คำว่า สร้างนิสัย หมายถึง
รักษาความสะอาดมีระเบียบวินัย
ในการปฏิบัติงาน
กิจกรรมจัดการเรียนรู้
ชั่วโมงที่ 11-12
ก.
ขั้นสร้างความสนใจ / ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
· อธิบายถึงการปฏิบัติงานไฟฟ้ากับงานช่าง
ถือว่าความปลอดภัยเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งของไฟฟ้าที่มีใช้กับการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน จะต้องรู้ถึงสาเหตุที่อาจเกิดอุบัติเหตุ และรู้จักการป้องกัน
อันตรายจากไฟฟ้าส่วนใหญ่มักเกิดจากที่ร่างกายสัมผัสที่มีไฟฟ้า รวมทั้งการปฏิบัติงานจะต้องทราบถึงอันตรายและวิธีการป้องกันที่เหมาะสม ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและมีการควบคุมที่ดี
ข. ขั้นการเรียนการสอน
·
จัดทำเนื้อหาสื่อการเรียนรู้รายวิชาให้กับนักเรียน
· อธิบายสาระสำคัญถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัย การทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้าตามขั้นตอน
1. ปลดวงจรไฟฟ้า 2. แขวนป้ายหรือล็อคกุญแจ 3. ตรวจว่ามีไฟหรือไม่
4.ใช้เครื่องป้องกันภัยส่วนบุคคล 5. ใช้เครื่องมือหุ้มด้วยฉนวน
ค.
ขั้นสรุป
· ครูสรุปเนื้อความสำคัญถึงอันตรายที่เกิดจากการไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัย
ชั่วโมงที่ 13-14
ก.
ขั้นสร้างความสนใจ / ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
·
ทบทวนเนื้อหาจากชั่วโมงที่ 11-12
ข.
ขั้นการเรียนการสอน
· อธิบายเกี่ยวกับเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น การขัดข้องจากการไฟฟ้าฯ
,การใช้ไฟเกิน,ไฟฟ้าลัดวงจร,ไฟฟ้าดูด
·
นักเรียนทำแบบทดสอบหลังการเรียนรู้
10 ข้อ
·
ครูตรวจ เฉลย
อธิบาย สรุปคะแนน
ค.
ขั้นสรุป
· ทดสอบระหว่างการเรียนรู้
·
บอกคะแนนของแต่ละคน
·
เสริมแรงด้วยการชื่นชม ยกย่อง
ชมเชย แต่ละคน
ภาระงานของนักเรียน
1.
แบบทดสอบระหว่างการเรียนรู้และหลังการเรียนรู้
การวัดผลและประเมินผล
1 วิธีการวัดผล
- ตรวจแบบทดสอบระหว่างการเรียนรู้และหลังการเรียนรู้
2 เครื่องมือในการวัดผลและประเมินผล
- แบบทดสอบระหว่างการเรียนรู้และหลังการเรียนรู้
3 เกณฑ์ในการวัดผลและประเมินผล
- แบบทดสอบระหว่างการเรียนรู้และหลังการเรียนรู้
9
– 10 คะแนน ดีมาก
7
– 8 คะแนน ดี
5
– 6 คะแนน พอใช้
0
– 4 คะแนน ปรับปรุง
สื่อการเรียนการสอน / แหล่งเรียนรู้
1. สื่อการเรียนรู้รายวิชา งานไฟฟ้า 2
2.
แบบภาพและข้อความการใช้ไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัย
ลงชื่อ ผู้สอน
(
นายเรวัตร
เจียมฉวี )
……./………./…….
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น